Rabies
Rabies
2013
โรคพิษสุนัขบ้า, โรคกลัวน้ำ หรือ โรคหมาว้อ (Rabies) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงชนิดหนึ่งที่มนุษย์รู้จักมากว่า ๕๐๐ ปีแล้ว เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งทีี่ชื่อว่า Rhabdovirus มีลักษณะคล้ายลูกปืนพก เหตุที่โรคนี้มีชื่อเป็นทางการว่า โรคพิษสุนัขบ้า เพราะในตอนแรกพบว่าเกิดจากถูกสุนัขที่่ติดเชื้อไวรัสนี้ กัด เหตุที่เรียกสุนัขที่ติดเชื้อนี้ว่า สุนัขบ้า หรือ หมาบ้า เพราะ เมื่อสุนัขติดเชื้อไวรัสนี้ จะทำให้สมองทำงานผิดไป จนบางตัว เกิดอาการคุ้มคลั้ง เที่ยวไล่กัดคน และสัตว์อื่นๆ และเนื่องจากเชื้อไรัสที่เข้าไปในตัวสุนัขนั้น จะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกมากและหลั่งออกในนำ้ลาย ดังนั้นผู้ท่ีถูกสุนัขบ้ากัด แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะเกิดอาการเหมือนสุนัขบ้า คือหลังจากได้รับเชื้อแล้ว เชื้อจะค่อยๆ เดินทางไปตามเส้นประสาท เข้าสู่สมอง แล้วทำให้มีอาการทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เพราะสมองถูกทำลาย จนตายทุกรายไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในประเทศไทยและ ประเทศ อื่นๆ ในทวีปเอเซีย จะพบว่า สัตว์ที่พบว่าเป็น โรคพิษสุนัขบ้ามากที่สุด คือ สุนัข ( 96 % ของจำนวนที่พบเชื้อจากการวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการในประเทศไทย ) แต่ในความเป็นจริง เชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น วัว ควาย ม้า หมู ลิง ชะนี กระรอก กระแต เสือ ค้างคาว สกั้งค์ แรคคูน แม้กระทั้ง ปลาวาฬ และ คน ดังนั้นการตระหนักถึงภยันตรายจากโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงการระมัดระวังอันตรายจากสัตว์เลี้ยงใกล้ตัว รวมทั้งปศุสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ตามจึงเป็นที่สิ่งสำคัญยิ่ง เพราะยังไม่มีวิธีในการรักษาผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าหากเกิดอาการทางสมองแล้ว อย่างไรก็ตามหากถูกสุนัขบ้า หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบ้า อื่นๆกัด แล้วทำการล้างแผลอย่างถูกต้อง พร้อมกับเข้าพบแพทย์โดยด่วนท่ีสุด ก็จะสามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ รวมทั้งยังมีภูมิคุ้มกัน หากถูกกัดอีกต่อไป
การติดต่อและการป้องกันโรค
โรคพิษสุนัขบ้านั้นติดต่อได้ โดยเชื้อไวรัสที่ออกมากับน้ำลายสัตว์ที่ติดเชื้อและเข้าสู่ร่างกายคน ทางบาดแผลที่เกิดจากการถูกกัด ข่วน หรือถูกเลียบริเวณบาดแผลใหม่หรือที่มีอยู่เดิม หรือได้รับเชื้อเข้าทางเยื่อตา เยื่อปาก การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อกระจกตา นอกจากนี้ เชื้ออาจติดต่อจากการกิน ถ้ามีบาดแผลภายในช่องปากหรือหลอดอาหาร ซึ่งเคยพบว่ามีผู้ติดโรคนี้จากการกินเนื้อสัตว์ที่ป่วย หรือที่ตาย และอาจพบว่าติดเชื้อจากการหายใจ ถึงแม้จะน้อยมาก สำหรับโรคนี้การป้องกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เนื่องจากยังไม่มีวิธีการรักษา ทั้งใน คน และสัตว์ จนเกือบเรียกได้ว่าถ้ามีการแสดงอาการแล้ว ตายอย่างเดียว (มีตัวอย่างน้อยมากๆ ท่ีรักษาได้สำเร็จในต่างประเทศ) แต่การป้องกันโรคนี้ทำได้ไม่ยากนัก สำหรับสุนัขและแมว เพียงแค่การทำวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครบตามที่คุณหมอกำหนด ก็เพียงพอแล้วที่จะป้องกันโรค (ส่วนใหญ่ให้ทำปีละ 1 ครั้งเท่านั้น) แต่สำหรับคน ถ้าอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และ เป็นบุคคลที่ต้องสัมผัสกับสุนัข หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นอยู่เสมอ ก็ควรทำวัคซีนป้องกันไว้ก่อน เพราะอันที่จริงแล้วประเทศไทยยังถือว่าเป็นประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้อยู่ แต่สำหรับในคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไว้เลย ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศ หากโดนกัด หรือไปสัมผัส กับสุนัขที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า หรือไม่สามารถมั่นใจได้ว่าไม่ได้เป็นโรคนี้ ก็ควรรีบล้างแผล และจุดที่สัมผัส ด้วยน้ำกับสบู่หลายๆ ครั้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น ทิงเจอร์ไอโอดีน แอลกอฮอล์ ก่อนไปพบแพทย์เพื่อทำการ ฉีดวัคซีน และ หากโดนกัดมากต้องฉีดแอนติบอดี (ซีรั่ม) ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเดินทางเข้าไปในเส้นประสาท แล้วไปทำลายสมองได้ เพราะถ้าถึงขั้นนั้นแล้ว ก็ไม่มีทางรักษาได้ นอนรอวันตายด้วยความทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
ส่วนการป้องกัน ทั้งในคนและสัตว์นั้น ทำง่ายที่สุดคือ หลีกเลี่ยงไม่ให้สัตวเ์ลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด กัด หรือ เลียแผล หากคิดว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเอาไว้เลย โดยต้องระวังอย่างยิ่งในเด็กๆ เพระมักชอบเข้าไปเล่นกับสัตว์ ทั้งนี้จากการรายงานของสถานเสาวภา พบว่าลูกสุนัขที่น่ารักๆ นี้แหละ กลับเป็นแหล่งของการแพร่เชื้อสุนัขบ้ามากที่สุด เนื่องจากลูกสุนัขจะยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน เพราะยังเด็กอยู่ อีกทั้งก็มีความน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้คนอยากเข้าไปเล่นด้วยจนถูกกัดได้
สัตว์ชนิดใดที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า และติดต่อถึงคนโดยวิธีใดมากที่สุด
สุนัขมีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ามากที่สุด รองลงมาก็คือ แมว วิธีการติดต่อถึงคนที่พบบ่อยที่สุดก็คือ โดยวิธีการกัด ซึ่งก็จะถูกนำ้ลายที่มีเชื้อไวรัสอยู่เข้าไปเต็มๆ อีกทางหนึ่งที่แพร่เชื่อได้ก็คือ การข่วน ไม่ว่าจะเป็น ใช้เขี้ยวข่วนซึ่งก็จะมีนำ้ลายปนมาด้วย หรือ ใช้อุ้งเท้าที่มีเล็บข่วน หากเป็นแมว เหตุที่การข่วนทำให้ติดโรคได้ เป็นเพราะแมวเป็นสัตว์ที่ชอบเลียอุ้งเท้าและเล็บของตัวเอง เชื้อไวรัสจากนำ้ลายที่ยังมีชีวิตอยู่จึงไปติดอยู่ที่เท้าหรืออุ้งเล็บได้ เพราะฉะนั้นเมื่อถูกแมวที่เป็นบ้าข่วนก็จะทำให้คนติดโรคได้เช่นกัน ส่วนในต่างประเทศ เช่นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีระบบสาธารณสุข การเลี้ยงดู รวมทั้งการดูแลสุนัขและแมวจรจัดที่ดี จะพบว่าค้างคาวกลับเป็นสัตว์ที่นำโรคพิษสุัขบ้าที่ ทำให้คนเสียชีวิตมากที่สุด ส่วนในประเทศไทย มีการสำรวจพบว่าค้างคาวในประเทศไทยก็มีเชื้อโรคอยู่ในกลุ่มของไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าได้เช่นกัน และนอกจาก สุนัข แมว และค้างคาวแล้ว ก็ยังต้องเฝ้าระวังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ด้วยทุกชนิด อาทิเช่น เมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งมีรายงานว่ากระต่ายที่ซื้อมาจากสวนจตุจักรก็ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้เช่นกัน
โรคพิษสุนัขบ้าใน คนและสัตว์ประเภทต่างๆ
โรคพิษสุนัขบ้าในคน
ระยะฟักตัวของโรคพิษสุนัขบ้า (คือตั้งแต่ถูกกัดจนเกิดอาการ) ไม่เกิน ๑ ปี ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในช่วง ๒ เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ตำแหน่งและลักษณะของบาดแผลว่าลึกแค่ไหน อยู่ใกล้เส้นประสาทหรือไม่ และแผลนั้นมีเชื้อไวรัสปะปนอยู่มากเพียงใด โดยเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสแล้ว ตอนแรกไวรัสจะฝังตัวอยู่ที่แผล และมีการเติบโตก่อนที่กล้ามเนื้อ จากนั้นจึงเริ่มเดินทางเข้าเส้นประสาท แล้วจะค่อยๆ เดินขึ้นไปตามเส้นประสาทจนถึงสมอง อาการแสดงในช่วงแรกนั้น อาจจะเป็นเล็กน้อย เช่น มีอาการแค่คัน ปวดแผล หรือว่าปวดแขนขาบริเวณที่ถูกกัด หรือว่ามีไข้ มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่เมื่อไวรัสเดินทางไปถึงสมองแล้ว จะต้องตายทุกราย อาการทางสมองอาจแบ่งเป็น ๒ แบบ คือ แบบกลุ่มอาการเอะอะอาละวาด ซึ่งจะเสียชีวิตเร็วในเวลาเฉลี่ยประมาณ ๕ วัน ส่วนกลุ่มที่ ๒ เป็นอาการที่มีลักษณะอัมพาต แขนขาอ่อนแรง จะเสียชีวิตหลังจากที่มีอาการแสดงครั้งแรก ภายในระยะเวลาเฉลี่ย ๑๓ วัน ในช่วงที่มีอาการแสดงทางสมองนั้น จะเกิดอาการอัมพาตทั่วร่างกาย รวมทั้งกล้ามเนื้อของหลอดอาหาร ทำให้ไม่สามารถกลืนนำ้ได้ ถึงแม้จะกระหายสักเพียงใด จึงทำให้มีการเรียกชื่อโรคนี้ว่าอีกอย่างหนึ่งว่า โรคกลัวนำ้
ทั้งนี้มีรายงานว่าระยะฟักตัวที่สั้นที่สุด เกิดขึ้นเพียง ๕ วันเท่านั้นหลังจากถูกสุนัขบ้ากัด เพราะถูกกัดแบบเป็นแผลเหวอะหวะเข้าโดยตรงที่เส้นประสาทบริเวณไหปลาร้า ทำให้เชื้อเข้าสู่เส้นประสาทได้เลย โดยไม่จำเป็นจะต้องมีการฝังตัวและเติบโตก่อนที่กล้ามเนื้อ ดังนั้นหากท่านถูกสุนัข หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ กัด หากไม่มั่นใจว่าไม่เป็นบ้าแน่ ควรรีบล้างแผลให้สะอาด และไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
โรคพิษสุนัขบ้าในสุนัข
น้ำลายของสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า เป็นแหล่งสำคัญที่สุดในการแพร่ระบาดของโรค โดยพบว่าเชื้อไวรัสก่อโรคจะเริ่มถูกขับออกมาในน้ำลายของสุนัขได้ตั้งแต่ในระยะ ๓ วันก่อนที่สุนัขจะแสดงอาการ และจะถูกขับออกมาทางน้ำลายติดต่อกันเรื่อยๆ จนกระทั่งสุนัขตาย อาการแสดงของสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า พบได้ ๒ แบบคือ
๑. แบบดุร้าย จะมีอาการหงุดหงิด เที่ยวไล่กัดคนและสัตว์อื่น ๆ ถ้าผูกโซ่หรือกักขังไว้ในกรง จะกัดโซ่ กรง หรือสิ่งของที่อยู่ใกล้อย่างดุร้าย บางครั้งสุนัขจะกัดจนฟันหักหรือลิ้นเป็นแผล มีเลือดออก เมื่อแสดงอาการดุร้ายได้ ๒-๓ วัน ก็จะอ่อนเพลียลง ขาหลังไม่มีแรง เดินโซเซ และตายในที่สุด สุนัขที่มีอาการแบบนี้จึงมีอันตรายที่สุดในการแพร่กระจายโรคพิษสุนัขบ้า
๒. แบบเซื่องซึม มีอาการปากอ้าหุบไม่ได้ ลิ้นมีสีแดงคล้ำ บางครั้งมีสิ่งสกปรกติดอยู่และลิ้นห้อยออกมานอกปาก มีอาการคล้ายกระดูกติดคอ เจ้าของจึงมักจะเอามือล้วงแต่ไม่พบกระดูก สุนัขจะเอาขาหน้าตะกุยบริเวณแก้มปาก และคอ จนบวม และจะลุกนั่ง ยืน และเดินไปมาบ่อย ๆ กินของแปลก ๆ เช่น ใบไม้ ก้อนหิน หรือบางตัวจะกินปัสสาวะของตัวเอง ไม่กัด ถ้าไม่ถูกรบกวน สุนัขแบบหลังนี้จะสังเกตอาการยากมาก ดังนั้น หากสุนัขตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรตัดหัวไปพิสูจน์ก่อน
ระยะฟักตัวของโรค
ในสุนัขที่ถูกสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด เฉลี่ยอยู่ระหว่าง ๓ - ๘ สัปดาห์ โดยสุนัขที่โตเต็มที่แล้ว มักจะมีระยะฟักตัวของโรคนานกว่าลูกสุนัข อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ดังนี้คือ
๑. ระยะเริ่มแรก จะสังเกตเห็นอุปนิสัยและอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สุนัขที่เคยมีนิสัยชอบเล่นคลุกคลีกับเจ้าของจะแยกตัวออกไป มีอารมณ์หงุดหงิด แต่สุนัขที่เคยตื่นกลัวไม่เคยคลุกคลีกับเจ้าของจะเข้ามาหาหรืออยากจะคลุกคลีด้วย ในระยะนี้อุณหภูมิของร่างกายอาจสูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ม่านตาจะขยายโตกว่าปกติและเริ่มมีการตอบสนองต่อแสงลดลง สุนัขจะแสดงอาการระยะนี้ประมาณ ๒ – ๓ วันก่อนจะเข้าสู่ระยะตื่นเต้น
๒. ระยะตื่นเต้น สุนัขจะเริ่มมีอาการกระวนกระวาย มีอาการทางระบบประสาท มีการตอบสนองรุนแรงต่อเสียงหรือสิ่งกระตุ้นต่างๆ และเริ่มมีอาการตื่นเต้นกระวนกระวายมากขึ้น อาจแสดงอาการงับแมลงหรือวัตถุที่ขวางหน้า กัดสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เริ่มออกวิ่งโดยไร้จุดหมาย แสดงอาการดุร้ายโดยจะกัดทุกสิ่งที่ขวางหน้า ถ้ากักขังจะกัดกรงอย่างรุนแรงจนเลือดกลบปากหรือฟันหักโดยไม่แสดงอาการเจ็บปวด เสียงเห่าหอนจะผิดไปเนื่องจากเกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อกล่องเสียง สังเกตบริเวณลิ้นจะพบสีแดงลิ้นห้อย น้ำลายไหลเนื่องจากเกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการเคี้ยวและการกลืน สุนัขอาจแสดงอาการขยอกหรือขย้อนคล้ายมีสิ่งแปลกปลอมติดในลำคอ โดยสุนัขจะแสดงอาการระยะนี้ประมาณ ๑ – ๗ วันก่อนเข้าสู่ระยะอัมพาต ระยะนี้เป็นระยะที่น่ากลัว เพราะจะแพร่เชื้อโรคได้มากที่สุด
๓. ระยะอัมพาต อาการระยะนี้จะสั้นมาก จะมีอาการขาอ่อนเปลี้ยโดยเฉพาะขาหลังเนื่องจากความสัมพันธ์ในการทำงานของกล้ามเนื้อเปลี่ยนไป สุนัขจะล้มลงแล้วลุกไม่ได้ เกิดเป็นอัมพาตขึ้นทั่วตัวอย่างรวดเร็วแล้วตายในที่สุด
โรคพิษสุนัขบ้าในแมว
การติดต่อของโรคพิษสุนัขบ้าในแมว ในธรรมชาติเกิดจากถูกแมวด้วยกัน หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดเอา ในแมวที่เป็นบ้า เชื้อไวรัสก่อโรคจะเริ่มถูกขับออกมาทางน้ำลายได้ตั้งแต่ ๑ วันก่อนแสดงอาการ และจะมีอยู่ตลอดจนกระทั่งแมวตาย คนและสัตว์เลี้ยงอื่นๆอาจได้รับอันตรายจากโรคพิษสุนัขบ้าในแมวเช่นเดียวกัดโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัข
ระยะฟักตัวของแมวที่ถูกสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดเฉลี่ย ๑๘ วัน และปกติจะพบว่าแมวที่โตเต็มที่จะมีระยะฟักตัวของโรคยาวนานกว่าในลูกแมว เช่นเดียวกับสุนัข
อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในแมว แบ่งออกเป็น ๓ ระยะ เช่นเดียวกับในสุนัขดังนี้คือ
๑. ระยะเริ่มแรก เป็นระยะสั้นๆ ไม่เกิน ๑ วัน แมวที่ชอบคลุกคลีกับเจ้าของจะมีอาการหงุดหงิด นิสัยเปลี่ยนไป อาจกัดหรือข่วนเจ้าของโดยเเสดงอารมณ์ฉุนเฉียวฉับพลัน หรืออาจหลบซ่อนตัวในที่มืด ระยะนี้มักสั้น
๒. ระยะตื่นเต้น แมวจะเริ่มมีอาการกล้ามเนื้อสั่น กล้ามเนื้อเริ่มทำงานไม่สัมพันธ์กัน ตามด้วยอาการทางระบบประสาท แสดงอาการดุร้าย ถ้ากักขังจะแสดงอาการท่าทีพร้อมที่จะกัดหรือข่วนโดยเฉพาะเมื่อมีวัตถุเคลื่อนไหวผ่าน เช่น คนหรือสัตว์ที่เข้ามาใกล้ มีอาการกลืนลำบาก น้ำลายไหลเนื่องจากเกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการเคี้ยวและการกลืน โดยทั่วไประยะนี้จะแสดงอาการอยู่ประมาณ ๒ – ๔ วัน ซึ่งเป็นช่วงที่เป็นอันตรายแก่เจ้าของเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่ ๓
๓. ระยะอัมพาต แมวจะเริ่มแสดงอาการอัมพาตที่ส่วนท้ายของลำตัวก่อน แล้วแผ่ขยายไปยังส่วนลำตัวและหัว จนเกิดอัมพาตทั่วตัวอย่างรวดเร็วแล้วถึงแก่ความตายในที่สุด
ทั้งนี้ถึงแม้ว่า โดยทั่วไปจะพบว่าแมวและสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าส่วนใหญ่ จะแดงอาการในระยะตื่นเต้นให้เห็นเด่นชัดกว่า จึงเรียกว่าเป็นบ้าแบบดุร้าย อย่างไรก็ตาม สุนัขและแมวบ้าบางตัวอาจแสดงอาการในระยะอัมพาตเด่นชัดกว่า เรียกการแสดงอาการแบบนี้ว่า บ้าแบบซึม
โรคพิษสุนัขบ้าในโค
โรคพิษสุนัขบ้าในโคมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าเช่นเดียวกับในสัตว์ชนิดอื่น ในประเทศไทยโคที่พบเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามักจะมีประวัติการติดโรคมาจากการถูกสุนัขบ้ากัด ส่วนในประเทศที่มีค้างคาวดูดเลือดชุกชุมพบค้างคาวดูดเลือดเป็นพาหะที่สำคัญในการแพร่เชื้อโรคไปยังโค
ระยะฟักตัวของโรคพิษสุนัขบ้าในโคเปลี่ยนแปลงได้มาก ตั้งแต่ ๑๓ วันหลังจากได้รับเชื้อจนถึงระยะเวลาหลายเดือน โดยเฉลี่ยมีระยะเวลาประมาณ ๓ สัปดาห์ ส่วนการรับเชื้อจากค้างค้าวดูดเลือดในธรรมชาติพบว่ามีระยะฟักตัวของโรคประมาณ ๑ เดือน
อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในโค จะพบโคเริ่มมีไข้ ไม่กินหญ้า ซึม มีอาการหาว น้ำลายไหลเป็นฟอง ดุกว่าปกติ หางตก กล้ามเนื้อท้องแข็งตึง เบ้าตาจมลึก หูกระดกไปด้านหลัง กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน เดินไม่ตรงทาง ส่งเสียงร้องอย่างผิดปกติติดต่อกัน กระวนกระวาย กระทืบเท้าหลัง พยายามจะออกจากคอกที่ขังโดยวิ่งชนคอกเป็นระยะๆ และอาจแสดงอาการแปลกๆเช่นเอาหัวซุกพื้นคอกแล้วยกส่วนท้ายสูงขึ้น แสดงอาการกระหายน้ำจัดและพยายามดูดน้ำกินแต่ส่วนใหญ่น้ำจะไหลออกทางมุมปาก ต่อมาจะเกิดเป็นอัมพาตล้มลงนอน ส่งเสียงร้องเป็นระยะๆน้ำลายไหลมาก ลูกตาเหลือกขึ้นด้านบน ม่านตาขยาย ลิ้นห้อยออกนอกปาก คอเหยียด และตายในที่สุด ส่วนอาการโรคพิษสุนัขบ้าในโค ซึ่งเกิดจากค้างคาวดูดเลือด จะแสดงอาการแบบอัมพาต ไม่ดุร้าย จากรายงานพบว่า กล้ามเนื้อขาหลังของโคจะทำหน้าที่ไม่สัมพันธ์กัน ต่อมาจะแสดงอาการเบื่ออาหาร ส่งเสียงร้องติดๆกัน ต่อมาจะล้มลงอยู่ในสภาพนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ แล้วจึงมีอาการชัก น้ำลายไหลมาก พยายามใช้ขาหน้าตะเกียกตะกาย ก่อนถึงช่วงสุดท้าย ที่จะหายใจไม่ออกจนตาย
โรคพิษสุนัขบ้าในสุกร
โรคพิษสุนัขบ้าในสุกรมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า เช่นเดียวกับในสัตว์ชนิดอื่น ๆโดยเฉพาะสุนัข ระยะฟักตัวของโรคพิษสุนัขบ้าในสุกรโดยเฉลี่ยมีระยะเวลาประมาณ ๓ สัปดาห์
อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในสุกรมักเป็นอย่างเฉียบพลัน โดยจะมีนิสัยเปลี่ยนแปลง เริ่มไม่กินอาหาร มีอาการทางประสาท ตื่นเต้น กระวนกระวาย ส่งเสียงร้อง ไวต่อการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม และจะตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นอย่างรวดเร็ว จะแสดงอาการบดเคี้ยว โดยปาก กล้ามเนื้อทำหน้าที่ไม่สัมพันธ์กันและมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ แล้วตามมาด้วยอาการอ่อนเปลี้ย ล้มลงแล้วลุกขึ้นไม่ได้และจะตายภายใน ๗๒ ชั่วโมงหลังจากเริ่มแสดงอาการของโรค อาการเหล่านี้คล้ายคลึงกับอาการของโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขมาก แต่ความรุนแรงของอาการต่างๆในสุกรจะน้อยกว่าในสุนัข
โรคพิษสุนัขบ้าในม้า ลา
ม้า ลา ที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าจะมีอาการตื่นเต้น ดุร้าย เข้ากัดคน เช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆ และมันจะมีอาการคัน ในบริเวณที่เคยถูกกัด สัตว์จะเอาบริเวณนั้นถูไถคอก หูตั้ง ไวต่อเสียงมาก เอาเท้าโขกพื้น กัดรางอาหาร กินอุจจาระ ตาแดง จ้องนิ่ง หรือมีอาการท้องผูก และตายในที่สุด
ข้อควรปฏิบัติภายหลังจากถูกสุนัขบ้าหรือสัตว์ที่สงสัยว่าบ้ากัด
๑. ล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาด ฟอกด้วยสบู่อย่างแรง ๒ - ๓ ครั้ง แล้วทาแผลด้วยน้ำยาโพวิดีน (เบตาดีน) แอลกอฮอล์ หรือทิงเจอร์ ไอโอดีน แล้วรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และวัคซีนป้องกันบาดทะยักทันที รวมทั้งอาจต้องฉีดซีรั่มรอบแผลหากมีรอยกัดชัดเจน กรณีที่เป็นแผลฉีกขาด อาจทำแผลไปก่อน โดยยังไม่ต้องเย็บแผล เนื่องจากแผลสกปรก โอกาสติดเชื้อจะสูงมากถ้าเย็บแผล ทานยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดแผลมาก ชา หรือ คันรอบๆ แผล มีไข้ขึ้น ให้รีบมาพบแพทย์อีกครั้ง
๒. กรณีที่สัตว์ตาย ควรนำส่งเพื่อตรวจหาเชื้อ ถ้าหากไม่ตายให้ขังไว้ดูอาการ ๑๐ วัน ขณะเดียวกันให้รีบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า การรักษาทางสมุนไพรหรือแพทย์แผนโบราณไม่สามารถป้องกันโรคได้ ไม่ควรรอดูอาการสุนัข เพราะอาจสายเกินไปที่จะฉีดวัคซีน
๓. ในกรณีของสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ หรือกัดแล้วหนี เช่น เป็นสัตว์ป่า สัตว์จรจัด ควรมาโรงพยาบาลทันที และจำเป็นต้องรับการฉีดวัคซีน ไม่ควรรอให้สัตว์มีอาการก่อน เพราะระยะฟักตัวทั้งในคนและสัตว์ไม่แน่นอน คนอาจมีอาการก่อนสัตว์ได้
๔. ประวัติการได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าของ สัตว์มีเจ้าของ ไม่เคยออกนอกบ้าน ไม่เคยไปกัดกับใคร ไม่ได้บอกว่าสัตว์นั้นไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ดังนั้นผู้ที่มีบาดแผลและสัมผัสกับน้ำลายสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำเขียวหรือมีเลือดไหล แผลถลอกหรือแผลลึก รวมทั้งผู้ที่ถูกสัตว์เลียที่นัยน์ตา ริมฝีปาก และผิวหนังที่มีแผลถลอก ต้องมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนในกรณีที่ถูกเลียผิวหนังที่ไม่มีแผลหรือเพียงแต่อุ้มสุนัข ไม่เป็นไร เพราะไม่สามารถจะติดโรคได้
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
ในปัจจุบัน แม้ว่าคนจะตายด้วยโรคพิษสุนัขบ้าน้อยลง เนื่องจากระบบสาธารณสุขดีขึ้น คนมีความรู้มากขึ้น วัคซีนมีคุณภาพดี และมีความปลอดภัยมากขึ้น รวมทั้งมีราคาถูกและหาได้ง่ายขึ้น ทั้งวัคซีนของคน และสัตว์ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยยังต้องตายลงด้วยโรคพิษสุนัขบ้า เป็นเพราะความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า ยกตัวอย่างเช่น
•ชื่อว่าโรคพิษสุนัขบ้าเป็นเฉพาะ หน้าร้อนเท่านั้น
•เชื่อว่าเมื่อถูกสุนัขกัดต้องใช้รองเท้าตบแผล หรือใช้เกลือขี้ผึ้งบาล์ม หรือยาฉุนยัดในแผล
•เชื่อว่าหลังถูกกัดต้องรดน้ำมนต์จะช่วยรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้
•เชื่อว่าเมื่อถูกสุนัขกัด การฆ่าสุนัขให้ตายแล้วนำตับสุนัขมากิน คนก็จะไม่ป่วยเป็นโรคนี้
•เชื่อว่าเมื่อถูกสุนัขกัด การตัดหูตัดหางสุนัขจะช่วยให้สุนัขไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
•เชื่อว่าคนท้องไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
•เชื่อว่าโรคพิษสุนัขบ้าเป็นเฉพาะในสุนัขเท่านั้น
•เชื่อว่าโรคนี้มีสัตว์นำโรคเพียงสุนัขเท่านั้น
•เชื่อว่าวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าฉีดรอบสะดือ ๑๔ เข็ม หรือ ๒๑ เข็ม ถ้าหยุดฉีดต้องเริ่มใหม่ เป็นต้น
สถานที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า หรือ การปฏิบัติตัวหากสงสัยว่าอาจได้รับเชื้อก่อโรค
กลุ่มโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน
โทร. 0 2590 3170
สำนักโรคติดต่อทั่วไปโทร. 0 2590 3176-9
กรมควบคุมโรคE-mail : zoo_cdc@yahoo.com
กระทรวงสาธารณสุข
E-mail:zoo_cdc@hotmail.com
ในต่างจังหวัด :
สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านท่าน หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทุกแห่ง
เอกสารอ้างอิง
อารีรัตน์ ช่างนิ่มนวล. 2555. โรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ต่างๆ (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.student.chula.ac.th/~53373351/page3.htm. 15 พฤศจิกายน 2555
คลังปัญญาไทย. 2555. โรคพิษสุนัขบ้า (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/โรคพิษสุนัขบ้า 26 พฤศจิกายน 2555
สถานเสาวภา สภากาชาติไทย. 2555. ความรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.saovabha.com/th/cliniclaboratory_01.asp. 15 พฤศจิกายน 2555
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา. 2555. โรคพิษสุนัขบ้า อันตรายจากสัตว์ใกล้ตัว (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.doctor.or.th/article/detail/1890. 15 พฤศจิกายน 2555
โรคพิษสุนัขบ้า(Rabies) ภัยร้ายที่ไม่ได้พบเจอแต่ในเฉพาะสุนัข
9/14/2556
ผู้เขียน
ณัชชา พฤกษเมธานันท์ และ มณฑารพ ยมาภัย
Useful Link